Highlight เทศกาล ศิลปะ Colorful Bangkok 2022 เทศกาลศิลปะ แสงสี รวมทั้ง ดนตรีในกรุงเทพฯ จัดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2565 – มกราคม 2566 นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “12 เทศกาลตลอดปีทั่วกรุงเทพฯ” มีเป้าหมายให้กรุงเทพฯ กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง พร้อมการกระตุ้นยอดขายให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ
ศิลปะไร้พรมแดน และ ครอบคลุม ไปถึงงานสร้างสรรค์ที่หลากหลาย
นั่นเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่กรุงเทพฯ ต้องเก็บรวบรวม รวมทั้ง ทำให้เข้าถึงทุกคนอย่างแท้จริง ซึ่งกรุงเทพฯ จำเป็นจะต้องต้องให้การส่งเสริม รวมทั้ง สร้างความร่วมมืออย่างทั่วถึง พร้อมช่วยประชาสัมพันธ์งานต่างๆที่เกิดขึ้นในระหว่าง 3 เดือนของเทศกาลอย่างเต็มที่ หัวใจของ “Festival Economy” คือ ยกระดับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับศิลปะ กับ สร้างเศรษฐกิจให้กับเนื้อเมือง หรือ ย่านต่างๆของกรุงเทพฯ ซึ่งการจัดเทศกาลจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ตลอดถึงการต่อยอดเศรษฐกิจในด้านต่างๆ
“กรุงเทพมหานคร” นับว่าเป็นเมืองหลวงที่มีสีสันมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทั้งยังในด้านอาหาร วัฒนธรรม และ ศิลปะ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาสัมผัสตลอดทั้งปี และ สร้างเม็ดเงินให้กับประเทศไทยอย่างมากมายมหาศาล แต่ทว่าการระบาดของโรคโควิด-19 ก็ทำให้เมืองมากสีสันแห่งนี้ เงียบเหงาลงไปอย่างน่าเศร้า การทำให้กรุงเทพฯ กลับมามีชีวิตชีวาอีกรอบ
ก็เลยกลายเป็น “เป้าหมายสำคัญ” ของชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการคนปัจจุบันของกรุงเทพฯ เกิดเป็นเทศกาล “Colorful Bangkok 2022” ที่จัดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2565 – มกราคม 2566 ซึ่งนับว่าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “12 เทศกาลตลอดปีทั่วกรุงเทพฯ” มีเทศกาลที่น่าสนใจตลอดทั้งปี เพื่อคนกรุงเทพฯ และก็ นักท่องเที่ยว เหมือนกับการกระตุ้นยอดขายให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ
เทศกาล Colorful Bangkok 2022 เป็นความร่วมมือของเครือข่ายภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม และก็ ประชาชน ที่มาร่วมกันสร้างสรรค์งานศิลปะ ดนตรี แล้วก็ แสงสี เพื่อทำให้กรุงเทพฯ กลับมามีสีสัน และ ชีวิตชีวาอีกรอบ ซึ่งได้มีโอกาสพูดคุยกับ “ศานนท์ หวังสร้างบุญ” รองผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ผู้เป็นกำลังสำคัญของการจัดเทศกาลยิ่งใหญ่ ในช่วงปลายปีครั้งนี้
กรุงเทพฯ เมืองแห่งสีสัน
“เกิดจากความท้าทายหลายอย่าง ได้แก่ พวกเรา พึ่งจะผ่านวิกฤตโควิด-19 เราเพิ่งเปิดประเทศ เป็นปีแรกที่พวกเราจะได้ลอยกระทง เป็นปีแรกที่เราจะได้ออกมาเจอหน้าคน และ เป็นปีแรกที่จะมีนักท่องเที่ยวเกิน 10 ล้านคน ผม มีความคิดว่า ทุกคนพร้อมใจอยากจัดอะไรบางอย่าง
ดังนั้น หน้าที่เมือง อาจไม่ใช่คนที่มาจัดอีกคนหนึ่ง แต่หน้าที่ของเมือง คงเป็นคนอำนวยความสะดวกมากกว่า เป็นคนดึงคนซ้ายมาเจอคนขวา ดึงคนหน้ามาเจอคนหลัง ดึงคนที่เก่งด้านไฟมาเจอคนเก่งดนตรี ดึงคนเก่งสถานที่มาเจอคนที่เก่งเรื่องการทำศิลปะ” ศานนท์ เริ่มต้นอธิบาย
เทศกาล Colorful Bangkok 2022 เป็นเทศกาลศิลปะที่จัดครอบคลุมตลอดทั้ง 3 เดือน ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2565 – มกราคม 2566 เพื่อเปิดพื้นที่สาธารณะ จัดกิจกรรมให้คนกรุงเทพฯ คนจากจังหวัดอื่น แล้วก็ นักท่องเที่ยว ได้สัมผัสงานศิลปะหลากหลายรูปแบบ ดูแสงไฟตามสถานที่สำคัญทั่วเมือง รวมทั้ง สนุกสนานไปกับดนตรีที่จะจัดขึ้นในสวนสาธารณะของกรุงเทพฯ
ซึ่งถือเป็นการร่วมมือกันของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวโยง และ มี กทม. เป็นผู้ช่วยเหลือประสานงาน แล้วก็ ให้การส่งเสริม
“ผมว่า อันนี้คือบทบาทของ กทม. ซึ่งพวกเราก็ทำอย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่พฤศจิกายน ธ.ค. มกราคม พวกเรา เชื่อว่า 3 เดือนนี้เป็น 3 เดือนที่สำคัญที่สุดของปี 2022 จนถึงไปถึงต้นปี 2023 เพราะว่า คือปีหัวเลี้ยวหัวต่อที่เราต้องดึงนักท่องเที่ยวให้ได้มากที่สุด แข่งกับเมืองอื่น
ด้วยเหตุว่า กรุงเทพฯ พวกเรา มีอะไรที่มีชีวิตชีวา รวมทั้ง คงจะไม่มีช่วงไหนที่เมืองจะมีชีวิตชีวาได้เท่าช่วง 3 เดือนนี้แล้ว” ศานนท์ กล่าว
ศิลปะ เชื่อมคน เชื่อมเมือง
ศิลปะไร้พรมแดน และก็ ครอบคลุม ไปถึงงานสร้างสรรค์ที่หลากหลาย อาทิเช่น จิตรกรรม กราฟิตี้ ร้องเพลง เต้นรำ ฯลฯ ซึ่งความหลากหลายของงานศิลปะนี้เอง ที่เป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่กรุงเทพฯ ต้องเก็บรวบรวม และก็ ทำให้เข้าถึงทุกคนอย่างโดยความเป็นจริง
ซึ่งศานนท์ กล่าวว่า กรุงเทพฯ ต้องต้องให้การส่งเสริม รวมทั้ง สร้างความร่วมมืออย่างทั่วถึง พร้อมกับช่วยประชาสัมพันธ์งานต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่าง 3 เดือนของเทศกาลอย่างเต็มที่
“ศิลปะกว้าง เพียงพอที่จะห่อหุ้มทุกอย่างที่จะเกิดขึ้น แล้วพวกเราก็มั่นใจว่า ต้องมีสักเดือนที่พวกเรา ให้ความใส่ใจกับสิ่งที่เป็น soft power เรา พูดถึงอะไรที่จับต้องได้มามาก แต่ว่าบางทีศิลปะ ก็เป็นเรื่องที่จับต้องได้ยาก
พวกเราในฐานะเมือง เรา จึงต้องดึงสิ่งที่จับต้องไม่ได้ มาเป็นธีมให้ได้ แล้วมันก็บางครั้งอาจจะเป็นจิตวิญญาณของหลายๆคน ผมคิดว่า คนที่ขับเคลื่อนด้วยศิลปะมีเยอะมาก แล้วก็ สังคมก็ขับเคลื่อนด้วยการอยู่กันแบบนี้
เพราะฉะนั้น เมืองไม่ใช่สิ่งก่อสร้าง แต่เมืองคือผู้คน ผู้คนขับเคลื่อน แล้วก็ มีจิตวิญญาณที่ห่อหุ้มด้วยศิลปะ แล้วก็ ศิลปะก็เป็นส่วนหนึ่งที่เราต้องขับเคลื่อน แล้วก็ ผลักดัน” ศานนท์ ชี้
ศิลปะ เพื่อเศรษฐกิจของเมือง
“ปฏิเสธไม่ได้ว่า ปากท้องต้องเดินตลอด งานเทศกาลอะไรแบบนี้ ก็เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น และ มันจะทิ้งคำถามบางอย่างเอาไว้มากกว่า อย่างตอนที่เราจัดกรุงเทพกลางแปลง มันก็ทิ้งคำถามว่า แล้วอุตสาหกรรมภาพยนตร์เวลานี้ เป็นอย่างไร
พอเราเห็นข้อนี้ พวกเรา ก็เอางานเทศกาลมาจุดประกาย พวกเรา เอางานเทศกาลมาทำให้คนเห็นว่า มันมีรูปแบบของการดูหนังแบบนี้ด้วย ผมว่า ก็คล้ายๆกัน Colorful Bangkok 2022 บางครั้งอาจจะเป็นตัวจุดประกายให้อุตสาหกรรมสตรีทอาร์ต อุตสาหกรรมละคร อุตสาหกรรมเทศกาลศิลปะชุมชน” ศานนท์ ระบุ
นอกเหนือจากการ “จุดประกาย” คำถามต่ออุตสาหกรรมที่เกี่ยวพันกับงานศิลปะ และ ความริเริ่มคิดสร้างสรรค์แล้ว กรุงเทพมหานคร ก็วางเป้าที่จะยกระดับอุตสาหกรรมนั้นๆ พร้อมทั้งสร้างเศรษฐกิจให้กับเนื้อเมือง หรือ ย่านต่างๆของกรุงเทพฯ
ซึ่งการจัดเทศกาลที่เกิดขึ้น จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ตลอดถึงการต่อยอดเศรษฐกิจในด้านต่างๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ นับว่าเป็นหัวใจของ“Festival Economy” ที่ต้องดำเนินต่อไป
“เรา คงไม่หยุดระดับเมือง พวกเรา ต้องไประดับนานาชาติ แล้วพวกเราต้องไปในระดับโลก ผมว่า พวกเราต้องตั้งเป้าแบบนั้น ผมมีความรู้สึกว่า กรุงเทพฯ มีประสิทธิภาพสูงมาก พวกเรา เชื่อเหลือเกินว่า ปีหน้า หรือ ปีต่อไป ยังไงเราต้องเป็นระดับโลก เรา ต้องปักหมุดให้ทั่วทั้งโลกต้องมากรุงเทพฯ มันต้องเกิดขึ้นแน่” ศานนท์ กล่าวปิดท้าย